12/27/2555

Frequency ความถี่ คืออะไร แล้วใช้ยังไง ?

   

              โพสนี้ขอขอบคุณเนื้อหาที่ผมได้อ่านมาจากเว็ป  www.Patid.com  และก็ได้รวบรวมข้อมูลที่
     ได้อ่านมาสรุปให้ได้อ่านกันครับ

               หลังจากที่ได้เขียนเรื่อง EQ คืออะไรและการใช้งานไปแล้วทีนี้เราก็มาต่อกันด้วยเรื่องของ
      ความถี่ที่เราจะเลือกเพื่อ เพิ่มหรือลดนั้นเอง   วันนี้มีตารางความถี่มาให้ดูคร่าวๆ ถ้าภาพไม่ชัด
      ก็แนะนำให้เข้าไปที่เว็ปของอีกตารางนึงจากลิงค์ด้านล่างได้เลยครับ  เพราะมันจะเป็น Flash Players
      ทำให้ง่ายต่อการดูอีกด้วย   !!แต่ถ้าตาไม่ดีระวัง  มึนนะครับ ฮ่าๆๆ




 ภาพนี้ได้มาจากสมาชิกในเว็ป  Patid.com ท่านหนึ่งได้โพสไว้ผมจำชื่อไม่ได้ขออภัยด้วยนะครับ




                 เรามาเริ่มกันเลยดีกว่า ก่อนอื่นต้องขอบอกก่อนเลยว่า การที่เราจะ EQ เสียงแต่ละเสียงนั้น
       ไม่มีสูตรตายตัวทั้งนั้นใครที่บอกว่าให้ Cut ความถี่นี้ เพิ่มตรงนู่น แล้วเสียงมันจะดีเลยก็คงไม่ใช่
       แต่ที่เห็นส่วนใหญ่แนะนำกันนั้นคือ  ให้เราลองลดช่วง ความถี่ประมาน 200 ถึง 500 ดูว่ามันทำให้
       เสียงหาย อื้ออึง หรือไม่ ตรงนี้แหละครับสำหรับผมถือว่าแนะนำดีที่สุด เพราะแต่ละเสียงนั้นไม่ว่า
       จะใช้คนร้องคนเดียวกัน  ไม่ได้แปลว่าเสียงนั้นจะเหมือนกันซะทุกอย่างขึ้นอยู่กับหลายๆปัจจัย เช่น
       ไมล์ร้อง , ห้องที่ใช้อัด  หรือ Gain ที่เปิดตอนอัดเสียง  ทุกอย่างล้วนคล้องจองกันไปหมด ให้ถือว่า
       ควรฟังแล้วตัดสินใจด้วยตัวเองครับ  แต่ถ้ามีพี่เก่งๆนั่งฟังอยู่ข้างๆนั้นก็อีกเรื่องนึง ฮ่าๆๆ

                  การดูตารางคือ การสังเกตุดูที่เครื่องดนตรีที่เราจะทำการ EQ เช่นยกตัวอย่างเป็น Kick
        มีความถี่ช่วง 30-147 Hz เรียกชื่อความถี่เต็มๆว่า Fundamental frequency ถ้าเราไป Cut ที่ช่วงนี้จะ
        ทำให้ Character หรือ เอกลักษณ์ ของเสียง Kick  นั้นหายไปแต่ถ้า Boot ก็จะทำให้ได้ยินเสียง
        Kick  ชัดขึ้นเช่นกัน
                   ส่วน Harmonics นั้นก็คือตัวคูณของ Fundamental freq. เช่น  A1= 55 , A2 = 110 , A3-A4
         = 220,440 เป็นต้น


* การที่จะ mix ออกมาให้ฟังแล้วรู้สึกเคลียร์ ภาษาทาง mix เขาเรียกว่า transparency

                    เหตุผลที่เสียงที่เรามิกนั้นออกมาอู้อี้ ฟังไม่รู้เรื่องอย่างนั้น เป็นเพราะ frequency ของเสียง
          จากเครื่องดนตรีแต่ละชิ้นมันทับกัน  จะทำให้เกิดการ Masking freq. ของเสียงแต่ละชิ้นเวลาเอา
          มารวมกัน
                     บาง freq. หายไป  บาง freq.จะเพิ่มขึ้น (หลักวิทยาศาสตร์เบื่องต้นของ sine wave)
           จะต้องใช้วิธี Pan หนีกัน หรือใช้ EQ ตัด - เพิ่ม เหมือนการทำหน้าที่เป็นตำรวจจราจร


                     ส่วนเรื่องที่ว่าเราจะรู้ได้ยังไงว่าเสียงมัน Masking (ซ้อนทับ) กันหรือไม่  ต้องฟังเอาครับ
           หรือหา Spectrum analyzer มาดู แต่วิธีง่ายๆคือ

           1. ตั้ง Level ของเสียงทั้งหมดให้เท่าๆกัน

           2. Pan ทุกอย่างให้อยู่ Center

           3. เริ่มจาก Track แรก   Pan ไปช้าๆซ้ายและขวาหากคุณได้ยินเสียงมันเลื่อนไปตามที่คุณ Pan
               แสดงว่า OK  หากไม่ได้ยินเสียงมันเลื่อน แสดงว่าเสียงมันทับกัน คุณต้องใช้ EQ หลบหลีก
               กัน จากนั้นก็ทำกับ Track อื่นๆต่อไป

                      ส่วนตัวอย่างการหลบความถี่ เพื่อไม่ให้ไปทับกันเช่นจะมิก Kick กับ Bass นั้น เราต้อง
               เลือกว่าจะให้อะไรเด่น เช่นเพลง Rock ต้อง Kick นำ เราก็เพิ่มตรง Fundamental freq. ของ kick
               และเราต้องไปลด freq. ของ Bass ที่ทับกับ Kick อยู่เพื่อให้ Bass ไม่ไปบัง Kick นั้นเอง จากนั้น
               เราค่อยไปเพิ่ม Harmonics  freq. ของ Bass เพื่อให้เสียง Bass ชัดขึ้นเป็นต้น


*ลองศึกษาและทำดูครับ ทำไปบ่อยๆจะรู้สึกง่ายขึ้นเองครับ

Cradit :  www.patid.com  ข้อมูลที่มา 1  ข้อมูลที่มา 2

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น